รู้หรือไม่ว่า กว่าจะมาเป็น “กาแฟ” นั้นมีการปล่อยคาร์บอนด้วย!!

สำหรับหลาย ๆ คนกาแฟถือเป็นตัวช่วยจำเป็นที่ทำให้เราพร้อมที่จะทำงานในตอนเช้า ตลอดจนเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าอย่างมากในระหว่างวัน แต่มีงานวิจัยใหม่ได้เปิดเผยว่าคาเฟอีนหรือกาแฟที่เราชื่นชอบนั้นส่งผลกระทบต่อโลกใบนี้ จะส่งผลกระทบอย่างไรบ้างเราไปดูกันเลย

.

ถ้าเปรียบเทียบน้ำหนักต่อน้ำหนักของกาแฟที่ผลิตโดยวิธีการที่ยั่งยืนน้อยที่สุด จะสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากเท่ากับการผลิตชีส โดยที่ตัวมันจะมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์เพียงครึ่งหนึ่งของเนื้อวัว ทั้งนี้ยังไม่ได้รวมถึงการเติมนมลงไป ซึ่งเจ้ากาแฟก็ได้แบกภาระด้านสิ่งแวดล้อมไว้เยอะมาก โดยการผลิตกาแฟในแต่ละปีนั้นมีมากกว่า 9.5 พันล้านกิโลกรัม ซึ่งมีมูลค่ารวม 30.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และความต้องการกาแฟจากทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าภายในปี 2050 สร้างแรงกดดันให้กับป่าไม้และแหล่งที่อยู่อาศัยอื่น ๆ ในเขตร้อนเนื่องจากเกษตรกรมองหาที่ดินใหม่

.

โชคดีที่ในปัจจุบันมีวิธีการปลูกกาแฟที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นขึ้น ในการศึกษานั้นได้คำนวณและเปรียบเทียบคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของกาแฟอาราบิก้าแบบดั้งเดิมและแบบยั่งยืน โดยใช้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูงจากผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก 2 ราย ได้แก่ บราซิลและเวียดนาม พบว่าการเปลี่ยนแปลงวิธีการปลูก การขนส่งและการบริโภคกาแฟสามารถลดการปล่อยคาร์บอนของผลผลิตได้ถึง 77%

.

สำหรับคอนเทนต์ครั้งหน้าเราจะมาติดตามกันต่อว่ากาแฟแต่ละชนิดจะมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์เท่าไหร่ และถ้าปลูกด้วยวิธีการจัดการแบบยั่งยืนแล้วล่ะก็จะสามารถลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้เท่าไหร่กันนะ

คงเห็นกันแล้วนะคะว่าแม้แต่กาแฟที่หลาย ๆ คนชอบดื่มกันนั้นก็ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมได้ ดังนั้นเราจึงควรให้ความสำคัญในเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดย Smart Greeny ก็เป็นหนึ่งในองค์กรที่ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมโดยมีบริการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ที่บริการคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างง่าย ๆ ที่จะทำให้ทราบว่าในธุรกิจของคุณมีกระบวนการใดที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมบ้างเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : Phys.org

.

ถ้าคุณอยากอัพเดทข่าวสารวงการสิ่งแวดล้อมเพียงแค่กดติดตามก็จะได้รับข่าวสารดี ๆ จากเรามากมาย

📲 Facebook Page : Smart Greeny

🌐 Website : bit.ly/2XgcFTu

แสดงความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *